วันจันทร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2553

โรคกลัวชมรม (Chomromophobia)

“และจิตใจของมารดาของมูซาก็ว่างเปล่า  และเกือบจะเปิดเผยเกี่ยวกับตัวมูซาออกมา” (อัลกุรอาน 28:10)


เมื่อแม่ของท่านนบีมูซาต้องยอมให้เด็กน้อยถูกพลัดพรากไป  หัวใจของนางก็ว่างเปล่า  เป็นความว่างเปล่าที่ทำให้ไม่สามารถคิดถึงสิ่งอื่นไดในโลกนี้ได้นอกจากเด็ก น้อยมูซาเท่านั้น1 เป็นความว่างเปล่าจากทุกๆ สิ่งนอกจากเรื่องราวของเด็กน้อย  เนื่องจากความรักอย่างสุดซึ้งที่มีต่อเด็กน้อยและความต้องการที่จะพบหน้าเขา2
(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)
มีคำกล่าวของบรรพชนรุ่นก่อน (สลัฟ) บางท่าน  กล่าวว่า  “ความหลงใหลคืออาการแสดงของหัวใจที่ว่างเปล่าจากความรัก3”  เมื่อความว่างเปล่าในหัวใจไม่ได้ถูกเติมเต็มด้วยความรัก  คงเป็นธรรมดาที่จะมีสิ่งอื่นเข้ามาเติมเต็มความว่างเปล่าอันนี้  มันอาจจะเป็นความกลัว  ความหวาดระแวง  ความสับสน  ความโดดเดี่ยว  หรือความรู้สึกอื่นๆ อีกมากมายที่จะเข้ามา  เป็นความรู้สึกที่หล่อหลอมรวมกันในหัวใจของใครหลายๆคน  จนก่อเกิดเป็น “โรคกลัวชมรม 
(Chomromophobia)” เป็นความกลัวที่ไม่ได้ก่อเกิดจากประสบการณ์  แต่เป็นสิ่งที่ก่อเกิดจากความว่างเปล่าในหัวใจ  เป็นความกลัวที่ไม่ต้องอาศัยเหตุผลใดๆ มารองรับ  เป็นความกลัวที่นำไปสู่จินตภาพที่มืดมิดที่มีต่อชมรม  ภาพของชมรมที่น่ากลัวได้ถูกสร้างขึ้นมาในห้วงความคิดของคนที่เป็นโรคนี้  ภาพของชมรมที่มีปีศาจร้ายสิงสถิตย์อยู่  เป็นปีศาจร้ายที่พร้อมจะจับทุกคนเข้ารีตหากหลงเข้าไป  ใครเข้าไปในชมรมแล้ว  จะถูกปีศาจร้ายจับล้างสมองจนกลายเป็นคนที่เคร่งเครียด  กลายเป็นคนที่ไม่ยอมสุงสิงกับเพศตรงข้าม  กลายเป็นคนที่ไม่ยอมเข้าสังคม  กลายเป็นคนที่น่ากลัวอย่างที่สุด  จากคนที่ใบหน้าที่เกลี้ยงเกลาจะเริ่มมีเครารุงรัง  จากคนที่แต่งตัวสบายๆ  เริ่มกลายเป็นคนที่มีผ้าคลุมเทอะทะ  ยิ่งไปกว่านั้นบางคนยังมีผ้าครุมสีดำผืนใหญ่ปกปิดทั่วร่างกาย  ซึ่งมองแล้วหลอนสุดๆ
หากมองจากสภาพการณ์ต่างๆแล้วจะพบว่า  ณ  ตอนนี้โรคชมรมโมโฟเบียได้แพร่กระจายไปเป็นวงกว้างจนยากจะหาตัวยาใดๆ มารักษา ได้  เป็นโรคที่ทำให้หลายๆ คนไม่กล้าที่จะขึ้นมาบนชมรม  ไม่กล้าที่จะรู้จักคนในชมรม  ไม่กล้าแม้กระทั่งการเดินสวนทางกัน  หัวใจที่ว่างเปล่า  หัวใจที่ปราศจากความรัก  คือปัจจัยที่สำคัญมากที่จะทำให้ใครหลายๆ คนต้องป่วยเป็นโรคนี้
หากย้อนไปมองความว่างเปล่าในจิตใจของแม่ของท่านนบีมูซาแล้ว  จะพบว่าหัวใจของนางได้ถูกเติมด้วยกับความรักอย่างสุดซึ้งที่มีต่อท่านนบีมูซา  ความรักอันนี้ได้ผลักดันความกลัวออกไป  เป็นความรักที่คอยหล่อเลี้ยงจิตใจของนาง  ความรักที่ก่อเกิดเป็นความหวังว่าหนึ่งจะได้มีโอกาสได้พบหน้าลูกชายสุดที่ รัก  เป็นความรักที่ทำให้ชีวิตของนางเต็มไปด้วยความหมาย
หากพิจารณาเรื่องราวของแม่ของท่านนบีมูซาแล้ว  จะพบได้ว่าวิธีการเดียวที่จะรักษาโรคชมรมโมโฟเบียได้  คือการที่จะต้องทดแทนหัวใจที่ว่างเปล่าของคนที่เป็นโรคนี้ด้วยความรัก  เริ่มด้วยความรักที่เขาจะมีต่อพระผู้สร้าง  อันเป็นแก่นแท้และรากฐานของความรักทั้งมวล  จากความรักต่อพระผู้สร้าง  เขาจะเริ่มเรียนรู้ที่จะรักพี่น้องร่วมศรัทธาของเขา  ในที่สุดในหัวใจของเขาก็จะไม่ว่างเปล่าอีกต่อไป  หัวใจของเขาจะไม่มีที่ว่างให้กับความกลัวใดๆ อีก  ในที่สุดโรคกลัวชมรมก็จะค่อยๆ หายไป  เขาจะเริ่มเรียนรู้ที่จะเข้าใจว่าภาพทั้งหมดที่เขาสร้างขึ้นมาเกี่ยวกับชมรม นั้นเป็นแค่ภาพหลอนจากอาการป่วยเท่านั้น  เขาจะเริ่มกล้าที่จะเข้ามาสัมผัสกับชมรม  เขาพร้อมที่จะก้าวเข้ามารู้จักชมรมด้วยการสัมผัสด้วยตัวเอง  เขาจะเริ่มเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของพี่น้องในชมรม  เขาเริ่มจะสัมผัสกับความรักความห่วงใยที่คนในชมรมหยิบยื่นให้  มันคือความรู้สึกดีๆ ของจิตวิญญาณที่มีต่อกัน  มันคือการผสมผสานกันทางจิตใจ
แต่อย่างไรก็ตาม  คงเป็นสิ่งที่ยากมากในการที่หัวใจที่ว่างเปล่าซึ่งถูกอัดแน่นด้วยความกลัว ของใครคนหนึ่งจะสามารถใส่ความรักเข้าไปทดแทนความกลัวอันนี้ได้  มันต้องอาศัยความจริงใจและความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าของตัวผู้ป่วยที่จะรักษาตัวเองจากโรคนี้ และมันคงต้องอาศัยความช่วยเหลือจากพี่น้องในชมรมที่จะต้องพยายามดูแลเอาใจใส่ผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้  พร้อมๆ ไปกับการที่ที่ผู้ป่วยก็ต้องพยายามจริงจัง  และจริงใจในการที่จะรักษาตัวเอง ผู้ป่วยต้องพยายามที่จะกำจัดความกลัวออกไปจากหัวใจ  ต้องพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้หัวใจกลับมามีที่ว่างอีกครั้งสำหรับความรักที่จะถูกเติมเข้าไปทดแทนความกลัวเหล่านี้  เมื่อความกลัวค่อยๆ ถูกเอาออกไปแล้ว  พี่น้องรอบข้างก็จะต้องจริงใจและจริงจังในการที่จะนำความรักมาแบ่งปันให้แก่ผู้ป่วย  เติมเต็มมันเข้าไปในจิตใจที่เริ่มมีที่ว่างจากความกลัว  ทุกๆ ครั้งที่หัวใจมีที่ว่างเพิ่มขึ้นเนื่องจากความกลัวที่ถูกนำออกไป  ที่ว่างเหล่านี้จะต้องถูกทดแทนด้วยความรักอย่างสม่ำเสมอ  พี่น้องรอบข้างจะต้องไม่ละเลย  และจะต้องคอยดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด  ทุกครั้งที่หัวใจมีที่ว่างแม้เพียงน้อยนิดมันจะต้องถูกเติมเต็มด้วยความรักเสมอ  หากปราศจากการดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิดแล้ว  หากหัวใจที่มีที่ว่างไม่ถูกทดแทนด้วยความรักอย่างทันท่วงที  ในที่สุดความกลัวก็อาจจะหวนกลับมา การที่จะกำจัดโรคกลัวชมรมออกไปคงไม่สามรถทำได้หากผู้ป่วยยังไม่จริงใจที่จะรักษาและพี่น้องในชมรมไม่จริงจังในการที่จะช่วยเหลือ  และยิ่งเป็นไปไม่ได้หากทั้งตัวผู้ป่วยและพี่น้องในชมรมไม่มีความรักที่จะแบ่งปันกันและกัน  เป็นไปไม่ได้ที่โรคนี้จะถูกกำจัดออกไปในขณะที่ผู้ป่วยยังไม่พยายามเปิดใจยอมรับว่าตัวเองป่วย  เป็นไปไม่ได้ที่โรคนี้จะถูกกำจัดออกไปในขณะที่พี่น้องในชมรมไม่จริงใจที่จะ มอบความรักให้กับผู้ป่วย และไม่มีความพยายามเสียสละทุ่มเทเพื่อดูแลกัน  ไม่เสียสละทุ่มเทในการที่จะมอบความรักให้แก่กันและกัน  ความรู้สึกดีๆทางจิตวิญญาณที่มีต่อกันและการผสานกันทางจิตใจจะไม่สามารถเกิดขั้นได้เลย หากทุกคนไม่จริงจัง  และไม่จริงใจในการที่จะเปิดใจเข้าหาซึ่งกันและกัน  ความรู้สึกดีๆ ทางจิตวิญญาณที่มีต่อกันและการผสานกันทางจิตใจจะไม่สามารถเกิดขั้นได้เลย  หากทุกคนไม่จริงจัง และไม่จริงใจในการที่จะเติมเต็มความรักเข้าไปในหัวใจที่ว่างเปล่าของกันและกัน
1) ตัฟซีรอิบนุกาซีร 2) อธิบายโดยอิบนุกอยยิม 3) อ้างจากท่านอิบนุกอยยิม 4) อิบนุกอยยิม “จิต
วิญญาณนั้นเหมือนกับทหารเกณฑ์เมื่อพบกับผู้ที่คล้ายคลึงกันหรือคนที่รู้จักกันก็จะหันหน้าเข้าหากัน  เมื่อพบผู้ที่แตกต่างกันก็จะอยู่ห่างๆ กันไป”  (หะดิษจากซอเฮียะห์บุคคอรีย์ , 3336) การที่ใครบางคนจะเข้าหากันเพื่อเติมเต็มความรักให้กันและกัน  คงเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ที่พวกเขาจะต้องมีส่วนที่คล้ายคลึงกัน  คงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่พวกเขาจะต้องมีส่วนหนึ่งของชีวิตร่วมกัน  เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่เป็นของกันและกัน  เป็นส่วนที่ถูกชื่อมโยงเข้าด้วยกัน  ความรักความศรัทธามั่นที่พวกเขามีต่อพระผู้เป็นเจ้าของพวกเขาที่จะเชื่อมโยง ส่วนหนึ่งของชีวิตพวกเขาเข้าด้วยกัน  ด้วยเหตุนี้  ประการสุดท้าย  และประการที่สำคัญที่สุดที่จะกำจัดโรคชมรมโมโฟเบียออกไปได้อย่างราบคาบ  คือการที่ความรักความศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้าได้ถักทอสายใยลงบนหัวใจของทุกคน  เป็นสายใยที่จะเชื่อมโยงส่วนหนึ่งของชีวิตแต่ละคนเข้าด้วยกัน  เป็นสายใยที่จะนำไปสู่ความรักต่อกันและกัน  เป็นความรักที่ผูกโยงหัวใจของทุกคนเข้าด้วยกัน  เป็นความรักที่จะปกป้องทุกคนจากความกลัวทุกรูปแบบ  เป็นความรักที่นำไปสู่ความรู้สึกดีๆของจิตวิญญาณที่มีต่อกัน
ด้วยความปรารถนาดี : ฝ่ายวิชาการ ชมรมมุสลิมจุฬา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น